การเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์
ตามการศึกษาแบบจำลองคอมพิวเตอร์ว่าด้วยวัฎจักรดาวฤกษ์
นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่าดวงอาทิตย์มีอายุประมาณ 4,570
ล้านปีในขณะนี้ดวงอาทิตย์กำลังอยู่ในลำดับหลัก
ทำการหลอมไฮโดรเจนให้เป็นฮีเลียม โดยทุกๆ วินาที มวลสารของดวงอาทิตย์มากกว่า 4
ล้านตันถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน ดวงอาทิตย์ใช้เวลาโดยประมาณ 1 หมื่นล้านปีในการดำรงอยู่ในลำดับหลักเมื่อไฮโดรเจนซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของดวงอาทิตย์หมดลง
วาระสุดท้ายของดวงอาทิตย์ก็มาถึง (คือการพ้นไปจากลำดับหลัก)
โดยดวงอาทิตย์จะเริ่มพบกับจุดจบคือการแปรเปลี่ยนไปเป็นดาวยักษ์แดงภายใน 4-5
พันล้านปี ผิวนอกของดวงอาทิตย์ขยายตัวออกไป
ส่วนแกนนั้นยุบตัวลงและร้อนขึ้นสลับกับเย็นลง มีการหลอมฮีเลียมเป็นคาร์บอนและออกซิเจนที่อุณหภูมิราว
100 ล้านเคลวิน
จากสถานการณ์ข้างต้นดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์จะกลืนกินโลกให้หลอมลงไปเป็นเนื้อเดียวกัน
แต่จากรายงานวิจัยฉบับหนึ่งได้ศึกษาพบว่าวงโคจรของโลกจะตีตัวออกห่างดวงอาทิตย์เพราะมวลของดวงอาทิตย์ได้สูญเสียไป
จนแรงดึงดูระหว่างมวลมีค่าลดลง แต่ถึงกระนั้น น้ำทะเลก็ถูกความร้อนจากดวงอาทิตย์เผาผลาญจนระเหยสิ้นไปในอวกาศ
และบรรยากาศโลกก็อันตรธานไปจนไม่เอื้อแก่ชีวิตต่อมาได้มีการค้นพบ
ว่าดวงอาทิตย์นั้นจะสว่างขึ้น 10 เปอร์เซนต์ ทุกๆ 1000ล้านปี ถึงตอนนั้นโลกก็ไม่อาจจะเอื้อ ต่อสิ่งมีชีวิตไปก่อนแล้ว
เวลาของสิ่งมีชีวิตบนโลก จึงเหลือแค่ 500ล้านปีเท่านั้น
ภาพดวงอาทิตย์ในช่วงคลื่นต่างๆ เรียงจากความยาวคลื่นที่สั้นที่สุด(X-ray) ไปยังความยาวคลื่นที่ยาวที่สุด (ช่วงสีส้ม)
ตัวเลขในวงเล็บคือ ความยาวคลื่น ของแสงที่ใช้ถ่ายภาพในหน่วยนาโนเมตร
ในแต่ละช่วงคลื่น ภาพของดวงอาทิตย์จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
นักดาราศาสตร์จึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลดวงอาทิตย์ในหลายช่วงคลื่นเพื่อเข้าใจในธรรมชาติของดวงอาทิตย์(ภาพช่วงคลื่นX-ray
จากดาวเทียม Yohkoh ของประเทศญี่ปุ่น และภาพในช่วงคลื่นอื่นๆ
จากดาวเทียมสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ และสุริยะสัณฐาน (SOHO) ขององค์การณ์อวกาศยุโรป
และองค์การณ์นาซา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น